พิธีเปิด การเดินแฟชั่นโชว์ผ้ามลายู
"Pakaian Melayu Yala Fashion Week"
โครงการส่งเสริมอนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นมลายู ปากายัน มลายู ปีที่ 2
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 ณ พิพิธภัณฑ์เมืองยะลา
............................................................................
.แฟชั่นโชว์ ปากายัน มลายู เทศบาลนครยะลา ส่งเสริมผ้าท้องถิ่นมลายู มุ่งโกอินเตอร์
---------------------------------------------------------------------
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา จัดกิจกรรมเดินแฟชั่นโชว์ ปากายัน มลายู ตามโครงการส่งเสริมอนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นมลายู ระหว่างวันที่ 19-21 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยกิจกรรมเดินแฟชั่นโชว์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมอนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นมลายู หรือ ปากายันมลายู ซึ่งเกิดจากการที่เทศบาลนครยะลาได้ดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ในการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ด้านที่ 1 คือ การยกระดับการพัฒนา ส่งเสริมช่องทางการตลาดและการอนุรักษ์ผ้าไทยและผ้าพื้นถิ่นจังหวัดยะลา และประสานความร่วมมือกับ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยะลา สถานกงสุลใหญ่อินโดนีเซียประจำจังหวัดสงขลา สถานกงสุลใหญ่มาเลเซียจังหวัดสงขลา สถาบันแฟชั่นบางกอกเอฟเอ และหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ เพื่อให้เด็ก เยาวชน ประชาชน ได้อนุรักษ์ผ้าพื้นเมืองลายท้องถิ่นมลายู ผ้าพื้นเมืองลายพระราชทาน และผ้าพื้นเมืองประจำถิ่น เพิ่มศักยภาพให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนได้มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ ลายผ้าท้องถิ่น และเครื่องแต่งกาย รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีเวทีแสดงออกถึงความสามารถด้านการออกแบบเครื่องแต่งกายประจำถิ่น จนสามารถนำความรู้ที่ได้รับทางวัฒนธรรมท้องถิ่น มาสร้างคุณค่าทางสังคม เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สู่ตลาดในประเทศจนถึงระดับภูมิภาคอาเซียน สู่สากล
.
สำหรับปีนี้ได้จัดกิจกรรม ประกวดการออกแบบลายผ้า และการออกแบบเครื่องแต่งกาย (ดีไซเนอร์) ซึ่งได้จัดการประกวดไปเมื่อวันที่ 19 และ 20 พฤษภาคมและได้นำเครื่องแต่งกายที่ชนะการประกวด แต่ละประเภท ขึ้นเดินแฟชั่นโชว์ในคืนวันที่ 21 พฤษภาคม มีการเดินแฟชั่นโชว์ จำนวน 134 ชุด ดังนี้
- ชุดที่ตัดเย็บจากดีไซเนอร์ประเทศไทย จำนวน 20 ชุด
- ชุดที่ตัดเย็บจากดีไซเนอร์ประเทศมาเลเซีย จำนวน 11 ชุด
- ชุดที่ตัดเย็บจากดีไซเนอร์ประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 19 ชุด
- ชุด จาก House Brand ในจังหวัดยะลา จำนวน 66 ชุด
และชุดจากดีไซเนอร์ที่เข้าร่วมกิจกรรมการประกวดลายเครื่องแต่งกาย
จำนวน 18 ชุด โดยมีนางแบบอินเตอร์ จำนวน 12 คน และเป็นนางแบบ นายแบบท้องถิ่น จำนวน 32 คน
.
ทางด้าน นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย กล่าวชมเชยเทศบาลนครยะลาที่ได้มีความร่วมมือผนึกกำลังหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในการร่วมกันบูรณาการความร่วมมือ เพื่อออกแบบกระบวนการพัฒนาลายผ้าท้องถิ่น และเครื่องแต่งกาย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อให้ผู้ผลิตลายผ้า ดีไซเนอร์ ผู้ตัดเย็บเสื้อผ้า ตลอดจนผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ผ้า พัฒนาคุณภาพสินค้า ก้าวไปสู่มาตรฐานสากล เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก สามารถสร้าง House Brand เป็นผู้นำแฟชั่น และยังเล็งเห็นถึงการนำเอาวัฒนธรรมการแต่งกายด้วยผ้าพื้นถิ่นในสามจังหวัดชายแดนใต้ และประเทศเพื่อนบ้าน คือประเทศมาเลเซียและประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน มาร่วมมือกัน ในการพัฒนาและก้าวสู่ศูนย์กลางแฟชั่นมลายูร่วมกัน ซึ่งเห็นได้จากการที่เทศบาลนครยะลา ได้นำผลงานปากายัน มลายู ครั้งที่ 1 จำนวน 9 ชุด ไปร่วมงาน London Fashion Week เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสร้างให้ Brand ปากายัน มลายู ได้ก้าวไปสู่ตลาดสากล ขอขอบคุณ ดร.ธีรวัฒน์ วงศ์วรทัต ทูตวัฒนธรรม London Fashion Week และที่ปรึกษากรมหม่อนไหม ที่จะนำชุดปากายันมลายู ไปเดินแบบที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ในโอกาสต่อไป
Mr.Muhammad Ridzuan Abu Yazid กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวแสดงความยินดีกับนายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา สำหรับค่ำคืนที่แสนวิเศษนี้ ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับการเดินแฟชั่นโชว์ และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งและมีส่วนร่วมในการผลักดันงาน “ปากายัน มลายู” ซึ่งงานครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จเลยหากขาดซึ่งความร่วมมือจากทุกๆ ฝ่าย และหวังว่างานในครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้เราก้าวไปสู่อนาคตที่ดี”
Mr. Agus Cahyono Rasyid กงสุลใหญ่่สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวว่า “มีความรู้สึกยินดียิ่งที่ทางอินโดนีเซียได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน “ปากายัน มลายู” อีกครั้ง ซึ่งปีที่แล้วผมดีใจมากที่คนจากอินโดนีเซียได้รับรางวัลจากการประกวดในงานปากายัน มลายู และผมมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นโอกาสที่ดีมากยิ่งขึ้นในการร่วมมือของแฟชั่นในประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเซีย ผมขอชื่นชมจังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลาที่ได้ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้นมา งานนี้สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมมลายู และวัฒนธรรมอาเซียนของเรา โดยเฉพาะสายสัมพันธ์ของมลายูทั้งสามประเทศ เรามีประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกัน และเรามีอนาคตที่มั่นคงด้วยกัน และหวังว่าจะมีคนจากอินโดนีเซียเข้าร่วมมากยิ่งขึ้นในปีต่อ ๆ ไป”