โครงการออร์เคสตร้าเยาวชนเทศบาลนครยะลา
จากปี พ.ศ.2547 เป็นต้นมา ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา ทำให้ภาพอดีตที่ผ่านมาที่ประชาชนเคยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ดำเนินชีวิตด้วยความเรียบง่าย ทักทายกันด้วยรอยยิ้ม และมีความสมัครสมานสามัคคีกัน ขณะนี้ได้เลือนหายไป เกิดความหวาดระแวง และความไม่เข้าใจกันเข้ามาแทนที่
เทศบาลนครยะลาได้ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะด้านการเสริมสร้างสันติสุข จึงกำหนดให้มีการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาความปลอดภัย สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนรู้รักสามัคคี เสียสละ รักถิ่นที่อยู่อาศัย มีน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม และการแบ่งแยกชนชั้น โดยผ่านทางกิจกรรม โครงการต่างๆ ของเทศบาลนครยะลา เช่น กิจกรรมออร์เคสตร้าเยาวชนเทศบาลนครยะลา ซึ่งนับว่าตอบโจทย์ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุด เทศบาลนครยะลาจึงได้ริเริ่มก่อตั้งวงดนตรีออร์เคสตร้าเยาวชนเทศบาลนครยะลา (Yala City Municipality Youth Orchestra : YMO) ในปี พ.ศ. 2549 ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่วงออร์เคสตร้าเยาวชนเทศบาลนครยะลาได้ก่อตั้งขึ้นมา และได้แสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชนจำนวนมาก สร้างชื่อเสียงให้คนยะลาเป็นที่รู้จัก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2555 วงออร์เคสตร้าเยาวชนเทศบาลนครยะลา ได้มีโอกาสไปร่วมแสดงดนตรีในงาน “รักเมืองไทยเดินหน้าประเทศไทย” ที่รัฐบาลจัดขึ้น ณ บริเวณสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นหนึ่งในสามวงที่เข้าร่วมแสดง โดยอีกสองวงนั้นถือเป็นวงมืออาชีพระดับแนวหน้า คือ วงไทยแลนด์ฟีลฮาร์โมนิค พร้อมนักร้องประสานเสียง ของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ วงดุริยางค์ซิมโฟนีออร์เคสตร้าของเหล่าทัพ ในงานนี้มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ 2 ช่อง คือ สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี (ช่อง 9 อสมท.) และสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ถือว่าเป็นงานยิ่งใหญ่และมีข่าวโด่งดังผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง เพราะมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมด้วย พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้งคณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ ประมาณ 500 คน มาร่วมงานในวันนั้น ซึ่งภาพที่น่าประทับใจของผู้ร่วมงานและผู้ที่ชมการถ่ายทอดสดก็คือ การขับร้องเพลงประสานเสียงสันติสุขปลายด้ามขวานทอง ซึ่งเดิมเป็นเพลงอนาซีด มีเนื้อหาเกี่ยวกับพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อจบการแสดง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้มอบช่อดอกไม้ และกล่าวชมวงออร์เคสตร้าเยาวชนเทศบาลนครยะลา กับนายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ผู้ก่อตั้งวง และอาจารย์วีระศักดิ์ อักษรถึง วาทยากร จากนั้นได้มาทักทายนักดนตรีเยาวชนรวมทั้งให้กำลังใจในการฝึกฝนดนตรีต่อไปด้วย
วันที่ 6-10 กันยายน 2555 กระทรวงการต่างประเทศได้นำวงออร์เคสตร้าเยาวชนเทศบาลนครยะลา ไปแสดงดนตรี ณ Lecture Theatre 13, AS3, Faculty of Arts and Social Sciences National University of Singapore. (NUS) ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นการเผยแพร่ให้ต่างประเทศทราบถึงการส่งเสริมบทบาทและความสามารถของเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นการเปิดโอกาสแก่เยาวชน ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ได้มีโอกาสเรียนรู้วิถีชีวิตการอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนาและวัฒนธรรมในประเทศสิงคโปร์ที่เป็นตัวอย่างที่ดีของการอยู่ร่วมกันแบบสังคมพหุวัฒนธรรม นอกจากนี้ เยาวชนของวงออร์เคสตร้ายังมีโอกาสได้เข้าเยี่ยมชมและรับฟังการบรรยายสรุปจากสถานศึกษาสายสามัญ/สถานศึกษาสอนศาสนา ที่มีการจัดการเรียนการสอนเชิงพหุวัฒนธรรม เข้าพบกับผู้นำศาสนาและองค์กรของสิงคโปร์ที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องของการเสริมสร้างสังคมพหุวัฒนธรรม และทัศนศึกษาสถานที่สำคัญต่างๆ ของสิงคโปร์ อันเป็นการเสริมสร้างความตระหนักรู้ของเยาวชนในเรื่องการดูแลอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
การเล่นดนตรีออร์เคสตร้า นอกจากจะมีประโยชน์กับตัวผู้เล่น ผู้ที่อยู่รอบข้าง และสังคมแล้ว ยังสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ของเด็กและเยาวชนได้ คือ ช่วยพัฒนาสมอง เสริมสร้างเยาวชนให้เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน มีสุนทรียภาพ สามารถทำงานเป็นทีม เกิดการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมที่พึงประสงค์ รวมถึงเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพในอนาคตได้ นอกจากนี้การนำเพลงพื้นบ้านมาร่วมบรรเลง โดยการสอดแทรกวัฒนธรรมของพี่น้องไทยพุทธและมุสลิมผสมผสานกันอย่างกลมกลืน อันสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่มีอยู่ในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ สิ่งเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นได้ว่า “ดนตรีสื่อสันติสุข” ทำให้คนที่มีที่มาต่างกันสามารถอยู่รวมกันได้อย่างมีความสุขและสามารถรวมพลังสร้างสรรค์สิ่งดีงามเพื่อสานฝันให้เป็นจริงได้ต่อไป